//=time() ?>
เลา: เอลวินตายแล้ว ไม่มีกู๊ดเอลวินแล้ว คงไม่ได้ซื้อกู๊ดซซใหม่แล้วล่ะ 😔
MAPPA:
เอรุริแบบ อั่ก อั่ก สายตานั้น อยากได้มาจ้องที่ห้อง ดุมากกก หนูต้องตั้งใจทำงานแน่ ๆ แด๊ดขา ป๊าขา เฮียขา ป๋าขา แงงงงงง แล้วเมนูประจำตัวคือไร ของคาวต้องคู่กับของหวานใช่ไหม โอเคเลย เข้าใจได้ กรี๊ด ๆๆๆ 🌈🌈🌈🌈🌈🌈🌈🌈🌈
เป็นเรายังเอ็นดูรีไวล์ขนาดนี้ แล้วเอลวินจะเอ็นดูขนาดไหน ไม่แปลกทำไมขยันเอาใจจัง เฮ้อ ก็ดูซิ ดูซิ น่ารักซะ จะให้อดใจไหวได้ยังไง เอลวินไม่จับกอดฟัดจูบหอมหลังเลิกงานทุกคืนเลยรึไงนะ
คิดถึง 4 คนนี้มากเลย คิดถึงมาก ๆ เห็นทีไรก็ใจเจ็บ ถ้าฉันเป็นทหารในหน่วยสำรวจ ฉันจะเข้าไปขอลายเซ็นพวกเขามาเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อ เป็นเครื่องราง 😭
มาลองวิเคราะห์กันอีกที ฉากนี้ก็เป็นตัวเน้นย้ำชัดเหมือนกันว่าใจจริงเอลวินน่ะอยากตายมาก แต่เพราะรู้สึกผิดที่ตัวเองทำให้พ่อตาย เลยไม่กล้าที่จะตายก่อนได้รู้ค.จริง รีไวล์เลยเป็นเหมือนคนที่ปลดแอกให้เอลวินเป็นอิสระจากการยึดติดกับพ่อ ด้วยประโยค 'ละทิ้งความฝันแล้วนำทหารใหม่ไปลงนรกซะ'
ได้ยินข่าวไหมว่าบุตรีดยุกของตระกูลปราชญ์กับบุตรีดยุกของตระกูลนักรบแอบพลอดรักกัน!
ได้ยังไงเล่า ผู้หญิงทั้งคู่ไม่ใช่หรือ วิปลาสนัก!
เลดี้เอลวิน : วิปลาสอย่างไรหรือคะ ?
เลดี้รีไวล์ : เออ แล้วพวกหล่อนอยากลองวิปลาสบ้างไหม ?
ขนาดนี้แล้วเปิดฟิคเลย / ไซโคตัวเอง
ไม่รู้ยังไร แต่ฉันชอบรูปเซตนี้ โซ่ด้านหลังนี่ represents ถึง ackerbond ถูกมะ ฉันว่า ackerbond ไม่ใช่อะไรไม่ดีหรอก เพราะคนที่มีแอคเคอร์แมนเป็นของตัวเองคือคนพิเศษ คนที่มอบความหมายใหม่ในการมีชีวิตอยู่ให้อีกคนที่กำลังรู้สึกว่าโลกล่มสลาย ตายทั้งเป็นได้อะ เป็นคนที่สำคัญมาก ฉันเข้าใจฟีล